แนวข้อสอบ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง 1 ข้อ
ข้อที่ 1. ข้อใดให้ความหมายของ “การสืบสวนข้อเท็จจริง” ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556 ได้ชัดเจนที่สุด ?
ก. การแสวงหาข้อเท็จจริงของข้าราชการตํารวจ
ข. การแสวงหาพยานหลักฐานของข้าราชการตํารวจ
ค. การแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของข้าราชการตํารวจ
ง. การแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของข้าราชการตํารวจว่าได้กระทําผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อย่างไร
ข้อที่ 2. ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือสั่งให้ผู้ใดทําการสืบสวน ประธานกรรมการหรือผู้สืบสวนต้องเป็นบุคคลตามข้อใด ?
ก. ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในเรื่องที่สืบสวน
ข. รัฐมนตรี
ค. ข้าราชการตํารวจชั้นสัญญาบัตรที่มีตําแหน่งและยศไม่ต่ํากว่าผู้ถูกกล่าวหา
ง. เจรตำรวจ
ข้อที่ 3. ในกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนได้แจ้งคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาต้องชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่ถูกกล่าวหา ต่อประธานกรรมการสืบสวนภายในกี่วันนับตั้งแต่วันที่รับทราบคําสั่ง ?
ก. ภายในสามวันนับแต่วันที่รับทราบคําสั่ง
ข. ภายในห้าวันนับแต่วันที่รับทราบคําสั่ง
ค. ภายในสิบวันนับแต่วันที่รับทราบคําสั่ง
ง. ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่รับทราบคําสั่ง
ข้อที่ 4. คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนไม่มีหน้าที่ ตามข้อใด ?
ก. สืบสวนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่กําหนดในกฎ ก.ตร. นี้ เพื่อแสวงหาความจริง ในเรื่องที่กล่าวหาและดูแลให้บังเกิดความยุติธรรมตลอดการสืบสวน
ข. รวบรวมประวัติของผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาเท่าที่จําเป็นเพื่อประกอบการพิจารณา
ค. จัดทําบันทึกการปฏิบัติงานที่มีการสืบสวนไว้ทุกครั้ง
ง. ให้บุคคลอื่นเข้าร่วมทําการสืบสวนเพื่อเป็นพยาน
ข้อที่ 5. ในกรณีที่การลงมติของที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ตัดสินชี้ขาดด้วยวิธีใด ?
ก. ให้นำเสนอเรื่องที่ประชุมแก่ ผบ.ตร. เพื่อให้ทำการชี้ขาด
ข. ให้นำเสนอเรื่องที่ประชุมแก่รัฐมนตรีเพื่อให้ทำการชี้ขาด
ค. ให้บันทึกการประชุดเสนอผู้บังคับบัญชาชั้นถัดไปเพื่อให้ทำการชี้ขาด
ง. ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาดการประชุม
ข้อที่ 6. ในการนําเอกสารหรือวัตถุมาใช้เป็นพยานหลักฐานในสํานวนการสืบสวน คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนต้องบันทึกอย่างไร ?
ก. ไม่ต้องบันทึก
ข. ให้บันทึกไว้ด้วย ว่าได้มาอย่างไร
ค. ให้บันทึกไว้ด้วย ว่าได้มาอย่างไร และจากผู้ใด
ง. ให้บันทึกไว้ด้วย ว่าได้มาอย่างไร จากผู้ใด และเมื่อใด
ข้อที่ 7. ในกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเห็นว่ามีมูลที่ควรกล่าวหาผู้กระทำผิด คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนต้องดำเนินการตามข้อใด ?
ก. เรียกผู้ถูกกล่าวหา มาพบเพื่อแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหา
ข. แจ้งให้ศาลออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา
ค. ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา
ง. สั่งขังผู้ถูกกล่าวหา
ข้อที่ 8. ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคํารับสารภาพว่าได้กระทําการตามที่ถูกกล่าวหาให้คณะกรรมการ สืบสวนหรือผู้สืบสวน ดำเนินการตามข้อใด ?
ก. แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าการกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดวินัยกรณีใด ตามมาตราใด
ข. แจ้งให้ศาลออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา
ค. ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา ตามความผิดที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำ
ง. สั่งขังผู้ถูกกล่าวหาไว้ก่อน แล้วจึงแจ้งผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าการกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดวินัยกรณีใด ตามมาตราใด และ ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา ตามความผิดที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำ
ข้อที่ 9. ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมรับสารภาพ และต้องการยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือ ผู้ถูกกล่าวต้องยื่นหนังสือชี้แจงภายในกี่วัน ?
ก. ภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหา
ข. ภายในห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหา
ค. ภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหา
ง. ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหา
ข้อที่ 10. ในการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานของคณะกรรมการสืบสวนต้องมีกรรมการ สืบสวนไม่น้อยกว่ากี่คน จึงจะสืบสวนได้ ?
ก. ต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่าสองคนจึงจะสืบสวนได้
ข. ต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่าสามคนจึงจะสืบสวนได้
ค. ต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่าสี่คนจึงจะสืบสวนได้
ง. ต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่าห้าคนจึงจะสืบสวนได้
ข้อที่ 11. การสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยาน คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนต้องบันทึกถ้อยคําตามแบบใด ?
ก. แบบ สส.3 ที่ ก.ตร. กําหนด
ข. แบบ สส.4 ที่ ก.ตร. กําหนด
ค. แบบ สส.5 ที่ ก.ตร. กําหนด
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ข้อที่ 12. หากคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิด วินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือคําสั่งให้สืบสวน ให้ประธาน กรรมการหรือผู้สืบสวน ทำตามข้อใด ?
ก. ไม่ต้องทำอะไร
ข. ให้รายงานไปยังผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนโดยเร็ว
ค. ให้เขียนบันทึกเป็นรายงานไว้ตามแบบ สส.๓ ที่ ก.ตร. กําหนด แนบไปกับบันทึกการสืบสวน
ง. ให้เขียนบันทึกเป็นรายงานไว้ตามแบบ สส.๓ หรือแบบ สส.๔ ที่ ก.ตร. กําหนด แนบไปกับบันทึกการสืบสวน
ข้อที่ 13. หากในระหว่างการสืบสวนมีการสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปอยู่นอกบังคับบัญชาของผู้สั่งให้สืบสวน ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทําตามข้อใด ?
ก. ให้เลิกทำการสืบสวน
ข. ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทําการสืบสวนต่อไป จนเสร็จ
ค. ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทําการสืบสวนต่อไป จนเสร็จ แล้วทํารายงานการสืบสวนเสนอต่อผู้สั่งแต่งตั้ง
ง. ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทําการสืบสวนต่อไป จนเสร็จ แล้วทํารายงานการสืบสวนเสนอต่อผู้สั่งแต่งตั้ง และให้ผู้สั่งแต่งต้ั้ง ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของผู้ถูกกล่าวหา
ข้อที่ 14. แบบ สส.2 ใช้สำหรับบันทึกตามข้อใด ?
ก. บันทึกการแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหาหรือถูกร้องเรียนตามข้อ ๑๙
ข. บันทึกถ้อยคําของผู้ถูกกล่าวหา
ค. บันทึกถ้อยคําพยาน
ง. รายงานการสืบสวน
ข้อที่ 15. เมื่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนได้รับความเห็นและผลการสืบสวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสืบสวนแล้ว ปรากฏว่าผลการสืบสวนไม่มีมูล ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนมีอำนาจหน้าที่ตามข้อใด ?
ก. ตรวจสอบความถูกต้องของสํานวนการสืบสวนตามข้อ ๓๗ ข้อ ๓๘ และข้อ ๓๙
ข. ส่ังให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนดําเนินการสืบสวนเพ่ิ่มเติมได้ หากปรากฏว่า การสืบสวนเรื่องนั้น ๆ ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอที่จะพิจารณาสั่งการได้
ค. สั่งยุติเรื่อง
ง. ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แนวข้อสอบเก่าเทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดที่ 1
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง 1 ข้อ
ข้อที่ 1. ข้อใดคือองค์ประกอบที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ก. คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server)
ข. ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel)
ค. สถานีงาน (Workstation or Terminal)
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อที่ 2. ข้อใดมิใช่อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System) คอมพิวเตอร์
ก. การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC)
ข. โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator)
ค. หน้าจอ LCD
ง. ฮับ ( Hub)
ข้อที่ 3. ข้อใดกล่าวถึงโครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (TOPOLOGY) ได้ถูกต้อง
ก. bus topology : ถ้ามีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะมีการส่งข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหา
ข. ring topology : ทิศทางการส่งข้อมูลจะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหนึ่งจนถึงปลายทาง
ค. bus topology : ทิศทางการส่งข้อมูลจะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหนึ่งจนถึงปลายทาง
ง. ring topology : ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบโดยรวม
ข้อที่ 4. ข้อใดบอกถึงข้อดีของแต่ละโครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (TOPOLOGY) ได้ถูกต้อง
ก. bus topology : ใช้สื่อนำข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
ข. ring topology : ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียออกจากระบบ ก็จะไม่ ส่งผลต่อการทำงานของระบบเครือข่ายนี้
ค. star topology : ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็สามารถทำได้ง่ายและไม่กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบ
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อที่ 5. ข้อใดบอกถึงสัญญาณข้อมูลชนิดดิจิทัล (Digital Signal) ได้ถูกต้อง
ก. รูปสัญญาณของสัญญาณมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปะติดปะต่อ
ข. 14,400 bps หมายถึง มีความเร็วในการส่งข้อมูลจำนวน 14,4001 บิตในระยะเวลา 1 นาที
ค. มีลักษณะเป็นคลื่นไซน์ (Sine Wave)
ง. เฮิรตซ์ (Hertz) คือหน่วยวัดความถี่ของสัญญาณข้อมูลแบบดิจิทัล
ข้อที่ 6. คุณสมบัติของสายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) ตรงตามข้อใด
ก. เป็นสื่อนำข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless Media)
ข. มีความถี่ในการส่งข้อมูลประมาณ 100 MHz ถึง500 MHz
ค. ราคาต่ำกว่าสายบิดเกลียว
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อที่ 7. เครื่องพิมพ์ชนิดพล็อตเตอร์ (plotter) เหมาะกับอาชีพใดมากที่สุด
ก. สถาปนิก ข. ตำรวจ
ค. นักเขียน ง. แพทย์
ข้อที่ 8. ข้อใดมิใช่องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟต์แวร์
ค. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ง. กระดาษ
ข้อที่ 9. ข้อใดคือตัวอย่างของซอฟต์แวร์ระบบ
ก. ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ข. ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน
ค. ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ง. ซอฟต์แวร์กราฟิก
ข้อที่ 10. ข้อใดให้ความหมายของระบบสารสนเทศได้ถูกต้อง ชัดเจนที่สุด
ก. เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อกำหนด รวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ
ข. ชุดขององค์ประกอบที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายสารสนเทศ
ค. ระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูล และประมวลผลเป็นสารสนเทศ ที่ต้องอาศัยฐานข้อมูล
ง. ชุดของกระบวนการ บุคคล และเครื่องมือ ที่จะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
ข้อที่ 11. สมุดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ (Spreadsheet ) จัดเป็นระบบสารสนเทศประเภทใด
ก. Office Automatic System หรือ OAS
ข. Transaction Processing System หรือ TPS
ค. Executive Informaion Systyem หรือ EIS
ง. Decision Support System หรือ DSS
ข้อที่ 12. Central Processing Unit : CPU คือ
ก. หน่วยรับข้อมูล
ข. หน่วยประมวลผลกลาง
ค. หน่วยแสดงผล
ง. หน่วยความจำชั่วคราว
ข้อที่ 13. ข้อใดให้ความหมายของ “ซอฟต์แวร์ระบบ” ได้ชัดเจนที่สุด
ก. คือ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานด้านต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น ซอฟต์แวร์กราฟิก ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ซอฟต์แวร์นำเสนอข้อมูล
ข. คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ระบบปฏิบัติการดอส ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ค. คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในงานด้านต่างๆ รวมไปถึง ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในระบบ
ง. คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการป้องกันระบบ ไม่ให้มีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
ข้อที่ 14. “Graphical User Interface : GUI” คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
ก. เป็นส่วนประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น
ข. เป็นซอฟต์แวร์ที่ประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานซอร์ฟแวร์ผ่านรูปแบบที่เป็นกราฟฟิก
ค. เป็นระบบป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์
ง. เป็นฮาร์ดแวร์ที่ประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งงานฮาร์ดแวร์ผ่านรูปแบบที่เป็นกราฟฟิก
ข้อที่ 15. Electronic Data Interchange คือ
ก. ระบบข่ายงานที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ระหว่างกันทั่วองค์กร
ข. การสื่อสารข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยอาศัยสัญญาณข้อมูลข่าวสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบข่ายงาน
ค. การรวมตัวกันของระบบข่ายงานที่กระจายอยู่ทั่วโลก จนกลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่
ง. ระบบที่ไม่ใช้กระดาษบทบาทที่สำคัญอีกบทบาทหนึ่งคือการให้บริการข้อมูล
ข้อที่ 16. ในการสื่อสารระดับต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ระดับที่มีความเกี่ยวข้องกับการรับข้อมูลเป็นบิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับระดับแรงดันไฟฟ้าช่วงความถี่ คาบเวลา เรียกการสื่อสารในระดับนั้นว่าอะไร
ก. ระดับฟิสิคัล (Physical Layer)
ข. ระดับดาต้าลิงค์ (Data Link Layer)
ค. ระดับเนตเวอร์ค (Network Layer)
ง. ผิดทุกข้อ
แนวข้อสอบเก่าจริยธรรมและกฎหมายที่ประชาชนควรรู้ ชุดที่ 1
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
ข้อที่ 1. นายสมพรได้หายตัวไปจากจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นภูมิลำเนาของตนโดยที่ไม่มีใครรู้ แน่ว่านายสมพรหายตัวยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา 5 ปี ดังนั้นบุคคลใดที่มีอำนาในการร้องขอให้ศาลสั่งนายสมพรเป็นคนสาบสูญ
ก. พนักงานสอบสวน
ข. ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ
ค. พนักงานฝ่ายปกครอง
ง. ทนายความ
ข้อที่ 2. หากเอกต้องการซื้อช้างของโทเอกต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้การซื้อขายช้างดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย
ก. ทำเป็นหนังสือ
ข. จดทะเบียน
ค. มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ง. ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ข้อที่ 3. สนขายที่ดินให้แก่สิทธิ์โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยในสัญญาซื้อขายที่ดินฉบับดังกล่าวมีข้อตกลงว่าสนผู้ขายสามารถที่จะไถ่ ที่ดินดังกล่าวได้สัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายประเภทใด
ก. สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด
ข. สัญญาจะซื้อจะขาย
ค. สัญญาขายฝาก
ง. สัญญาเช่าซื้อ
ข้อที่ 4. วินัยทำสัญญาให้อนุชาเช่าบ้านเป็นเวลา 3 ปี ต่อมาวินัยได้ขายบ้านหลังนั้นให้อมร เมื่ออมรทราบว่าบ้านหลังดังกล่าววินัยได้ให้อนุชาเช่าอมรต้องการให้อนุชาออก จากบ้านอมรจึงได้ฟ้องขับไล่อนุชาให้ออกจากบ้านหลังดังกล่าวได้หรือไม่
ก. ได้ เพราะ กรรมสิทธิ์ในบ้านดังกล่าวเป็นของอมรแล้ว
ข. ได้ เพราะ สัญญาเช่าระงับลงแล้ว
ค. ไม่ได้ เพราะ สัญญาเช่ายังคงผูกพันผู้รับโอนอยู่จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลา
ง. ได้ เพราะ เมื่ออมรรับโอนกรรมสิทธิ์แล้วสิทธิต่างๆที่บุคคลภายนอกผูกพันอยู่กับผู้รับโอนย่อมระงับไป
ข้อที่ 5. อุทัยเช่าบ้านของสุทินโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 1 ปี โดยตกลงชำระค่าเช่ากันเดือนละ12,000บาท ต่อมาอุทัยได้ค้างชำระค่าเช่าบ้านเป็นเวลา 3 เดือน เป็นเงิน 36,000 บาท สุทินก็ได้ติดตามทวงถามเงินค่าเช่าแต่อุทัยก็ได้ปฏิเสธ ดังนั้นสุทินจะฟ้องร้องบังคับคดีได้หรือไม่
ก. ได้ เพราะแม้ไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันไว้ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
ข. ไม่ได้ เพราะการเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
ค. ได้ เพราะเพียงแต่ผู้ให้เช่าให้ผู้เช่าเข้าอาศัยในอสังหาริมทรัพย์ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้แล้ว
ง. ได้ เพราะ เมื่อผู้เช่าขอเช่าอสังหาริมทรัพย์และผู้ให้เช่าอนุญาตให้เช่า สัญญาเช่าก็เกิดไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็สามารถฟ้องร้องบังคับ คดีได้
ข้อที่ 6. รณตกลงเช่าซื้อรถไถนาของขาวเป็นเงิน 400,000 บาทโดยตกลงชำระเป็นงวดๆละ 20,000 บาทโดยมิได้ทำเป็นหนังสือ การเช่าซื้อรถไถของรณกับขาวมีผลเป็นอย่างไร
ก. โมฆะ
ข. โมฆียะ
ค. สมบูรณ์
ง. ไม่มีข้อถูก
ข้อที่ 7. สมพรกู้เงินแดงเป็นเงิน 1900 บาท เมื่อถึงกำหนดชำระเงินสมพรไม่ยอมชำระแดงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะสัญญาไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ข. ได้ เพราะการกู้เงินที่ไม่เกิน 2000 แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
ค. ไม่ได้ เพราะกฎหมายกำหนดว่าการกู้ยืมเงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ง. ไม่มีข้อถูก
ข้อที่ 8. หากนายพิชัยต้องการจะนำที่ดินของตนไปจำนองต่อพลพิชัยต้องกระทำอย่างไรจึงจะทำให้สัญญาจำนองชอบด้วยกฎหมาย
ก. ทำเป็นหนังสือ
ข. มีหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดลงลายชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
ค. ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ง. จดทะเบียน
ข้อที่ 9. นายสมพรทำประกันวินาศภัยกับบริษัทสุพจน์ประกันภัยไว้ ต่อมาระหว่างสัญญาประกันภัยได้เกิดไฟไหม้บ้านสมพร ต่อมาสมพรได้ติดต่อกับบริษัทให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ทางบริษัทกลับเพิกเฉยไม่ยอมชำระ สมพรจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ภายในเวลากี่ปี
ก. 10 ปีนับแต่วันวินาศภัย
ข. 1 ปีนับแต่วันวินาศภัย
ค. 5 ปีนับแต่วันวินาศภัย
ง. 2 ปีนับแต่วันวินาศภัย
ข้อที่ 10. สุริยาทำประกันชีวิตแบบอาศัยเหตุมรณะกับทิพยประกันภัยต่อมา สุริยาได้กระทำอัตตวินิบาตด้วยใจสมัครภายใน 2 ปีนับแต่วันทำสัญญากรณีดังกล่าวทิพยประกันภัยต้องใช้เงินประกันหรือไม่
ก. ต้องจ่ายเงินประกันชีวิตเพราะสัญญาประกันชีวิตสมบูรณ์แล้ว
ข. ไม่ต้องจ่ายเงินประกันชีวิตเพราะผู้เอาประกันชีวิตได้กระทำอัตตวินิจบาตด้วยใจสมัคร
ค. ต้องจ่ายเงินประกันชีวิตเพราะผู้แม้ว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำอัตตวินิจบาต ด้วยใจสมัครก็ตามแต่มิได้กระทำภายในระยะเวลา 1 ปีอันเป็นข้อยกเว้นที่บริษัทไม่ต้องจ่ายเงิน
ง. ต้องจ่ายเงินประกันชีวิตเพราะผู้เอาประกันชีวิตทำสัญญาประกันชีวิตโดยอาศัยเหตุมรณะ
ข้อที่ 11. นายอเนกทำการหมั้นกับเด็กหญิงออยอายุ 13ปี การหมั้นระหว่างนายเอนกกับเด็กหญิงออยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ก. ชอบเพราะเป็นการหมั้นระหว่างชายกับหญิง
ข. ไม่ชอบเพราะการหมั้นจะต้องกระทำต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์แล้ว
ค. ชอบเพราะการหมั้นไม่ได้กำหนดอายุเอาไว้
ง. ไม่ชอบด้วนกฎหมายเพราะการหมั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์
ข้อที่ 12. สมศักดิ์ได้หมั้นกับแดงต่อมาสมศักดิ์ได้กระทำการข่มขืนขาวด้วยเหตุนี้แดงจะบอกเลิกสัญญาหมั้นได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะการกระทำเมื่อหมั้นแล้วย่อมผูกพันทั้งสองฝ่ายจนกว่าจะสมรส
ข. ได้ เพราะ การกระทำของสมศักดิ์เป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงของคู่หมั้น
ค. ไม่ได้เพราะการกระทำของสมศักดิ์ไม่ถือว่าเป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง
ง. ไม่ได้ เพราะการหมั้นดังกล่าวมีผลสมบูรณ์แล้วแม้คู่หมั้นจะกระทำการผิดสัญญาสัญญาหมั้นก็ยังคงสมบูรณ์
ข้อที่ 13. การสมรสที่เป็นโมฆียะสิ้นสุดลงเมื่อใด
ก. เมื่อฝ่ายชายฟ้องหย่า
ข. เมื่อฝ่ายหญิงฟ้องหย่า
ค. เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงหย่า
ง. เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอน
ข้อที่ 14. นายสมพรได้สมรสกับนางสาวกรวิกาโดยสำคัญผิดคิดว่านางสาวกรวิกาเป็นนางสาวกร วิการซึ่งเป็นคนที่ตนหลงรัก ต่อมาหลังจากที่นายสมพรได้ทำการสมรสกับนางสาวกรวิกาแล้วก็มาทราบความจริงว่า หญิงที่ตนสมรสด้วยมิใช่นางสาวกรวิการ ดังนี้หากนายสมพรจะขอเพิกถอนการสมรสเพราะเหตุสำคัญผิดตัวคู่สมรสจะต้องกระทำ ภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 40 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน
ข้อที่ 15. สำรวมตกลงหย่ากับเสงี่ยมโดยที่ทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมกันแต่โดยดี กรณีดังกล่าวหากจะให้การหย่ากันโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งสองฝ่ายจะต้องกระทำ อย่างไรจึงจะชอบด้วยกฎหมาย
ก. มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ข. ทำเป็นหนังสือ
ค. ทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อยสองคน
ง. มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
แนวข้อสอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 54 งานสารบรรณ พ.ศ. 2556
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว
ข้อที่ 1. ข้อใดให้ความหมายของ “งานสารบรรณ” ตามระเบียบนี้ได้ชัดเจนที่สุด ?
ก. งานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารเอกสาร
ข. งานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารคน
ค. งานที่เกี่ยวข้องกับการจราจร
ง. ถูกทุกข้อ
ข้อที่ 2. ประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี เป็นระเบียบที่วางไว้เพื่ออะไร ?
ก. เป็นระเบียบที่วางที่วางไว้ให้ข้าราชการถือปฏิบัติ
ข. เป็นระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วางไว้โดยอาศัยอำนาจของกฎหมายอื่น
ค. เป็นระเบียบที่วางไว้ให้เพื่อให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติการเกี่ยวกับการใช้อำนาจ หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่น
ง. เป็นระเบียบที่วางไว้ให้บุคคลทั่วไปปฏิบัติการเกี่ยวกับการใช้อำนาจ หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่น
ข้อที่ 3. การสั่งการตามระเบียบนี้สามารถกระทำได้กี่วิธี ?
ก. วิธีเดียวคือการสั่งการด้วยหนังสือ
ข. สองวิธีคือการสั่งการด้วยหนังสือ และ การสั่งการด้วยวาจา
ค. สามวิธีคือการสั่งการด้วยหนังสือ การสั่งการด้วยวาจา และ การสั่งการด้วยเครื่องมือสื่อสาร
ง. สี่วิธีคือการสั่งการด้วยหนังสือ การสั่งการด้วยวาจา การสั่งการด้วยเครื่องมือสื่อสาร และ การสั่งการด้วยวิธีการทางอิ
หน้าที่เข้าชม | 3,717,869 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,639,923 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ส.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |